เมื่อวันที่ 11 พ.ค. น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ พร้อมด้วย คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช และนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ และผู้บริหาระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) แถลงข่าวเตรียมความพร้อมก่อนเปิดเรียนที่ 1/2564 ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 โดยน.ส.ตรีนุช กล่าวว่า ตามที่ ศธ.ได้เลื่อนเปิดภาคเรียนที่ 1/2564 เป็นวันที่ 1 มิ.ย.นั้น เพื่อไม่ให้เด็กเสียโอกาสในการเรียนรู้ ศธ.จึงได้เตรียมความพร้อมในการจัดการศึกษาแบ่งเป็นการเรียนรู้ 2 รูปแบบ ได้แก่ การเรียนแบบ Online และ Offline โดยในส่วน Online ศธ.ได้เปิดเว็บไซต์ “ครูพร้อม” ขึ้น ซึ่งเป็นเว็บไซต์กลาง เพื่อเสริมแพลตฟอร์มต่างๆ ที่หน่วยงานในสังกัด ศธ.มีอยู่ โดยจะเป็นคลังสื่อ ข้อมูลการเรียนรู้ ตลอดจนรูปแบบการจัดกิจกรรม ซึ่งมีข้อมูลทั้งของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (สำนักงาน กศน.) และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) แบ่งเป็นหัวข้อ-หมวดหมู่ตามความสนใจ เป็นการบูรณาการเพื่อความสะดวกรวดเร็วในการใช้งาน ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้เรียนทุกกลุ่ม ครู ผู้บริหาร และผู้ปกครอง สามารถเข้าถึงได้ผ่านระบบกลาง

 

รมว.ศึกษาธิการ ส่วนกิจกรรมรูปแบบ Offline นั้น สถานศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) จะเป็นผู้ออกแบบกิจกรรมร่วมกับ ศบค. จังหวัด ซึ่งคิดขึ้นมาจากเหตุการณ์ร่วมสมัย และที่สำคัญคือ ทุกคนสามารถเลือกหัวข้อหรือกิจกรรมที่ต้องการเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง ทั้งนี้การเตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียน 11 วันจะไม่เป็นการบังคับหรือจะนำไปใช้ในการวัดและประเมินผลแต่อย่างใด โดยผู้เรียนสามารถเลือกเรียนรู้ได้ตามความถนัดและความสนใจของแต่ละคน เพราะสิ่งที่ตนต้องการเตรียมความพร้อมนั้นมาจากเราเลื่อนเปิดภาคเรียน แม้จะเป็นช่วงระยะเวลาที่สั้น แต่ก็ถือว่ามีคุณค่าต่อการเรียนรู้ของนักเรียน จึงอยากสร้างทางเลือกให้นักเรียนได้เข้าถึงกระบวนการเรียนรู้อย่างเต็มที่ ดังนั้นโรงเรียนหยุดแต่การเรียนรู้ของนักเรียนต้องไม่หยุดนิ่ง  อย่างไรก็ตามเว็บไซต์ครูพร้อมจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 17 พ.ค.นี้ 

 

ต่อข้อถามว่ามีนักวิชาการออกมาวิพากษ์วิจารณ์ในการนำติวเตอร์มาอบรมครูนั้น รมว.ศธ.กล่าวว่า ตนคิดว่าเรื่องนี้เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน โดยการศึกษาเป็นเรื่องของทุกคน ซึ่งตนเข้าใจในความเป็นห่วงในเรื่องนี้ แต่การนำภาคเอกชนเข้ามาช่วยเสริมการเรียนรู้นั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นการดำเนินการมาตั้งแต่โควิดระบาดในรอบแรกแล้ว... อ่านต่อที่ : https://www.dailynews.co.th/education/842638